ประเทศไทย (Thailand)

ประเทศไทย (Thailand)
ประเทศไทย (Thailand)

วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ประวัติ เมธี วะลา Junior Mixologist Of Thailand


วันนี้ผมจะขอเล่าประวัติของชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่เติบโตมาท่ามกลางขาดความอบอุ่นจากครอบครัว พ่อและแม่ของเขาเลิกลากันตั้งแต่เขายังเด็กๆ ไร้เดียงสา ผมจะไม่ขอพูดอะไรมากในช่วงชีวิตของเขาตอนนั้น เพราะมันอาจจะสะเทือนใจหลายๆคนที่มีชีวิตแบบนั้นเหมือนกันกับเขา ผมขอเล่าช่วงเวลาการทำงานของเขาดีกว่านะครับ จุดเริ่มต้นของเขาในวงการอาหารและเครื่องดื่ม เกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2548 เขาเริ่มรู้จักคำว่า เด็กเสริฟในสมัยนั้น ตอนเขาอายุประมาณ 23 ต้นๆ เขาค่อนข้างอ่อนต่อโลก หรือจะพูดอีกอย่างคือซื่อบื่อ นั่นเองครับ เพราะว่าเขาบวชเรียนมาถึง 6 ปี ทำให้ช่วงวัยรุ่นของเขาหายไป เลยไม่ค่อยรู้จักทางโลกภายนอกดีสักเท่าไร แต่ตอนนี้ผมคิดว่าเขาน่าจะรู้เกือบหมดทุกเรื่องแล้วละครับ เมื่อ พ.ศ. 2548 เขาทำร้านอาหารแห่งหนึ่งแถวพระราม 5 ไม่ขอบอกชื่อร้านนะครับ ประมาณ 4 - 5 เดือน ในตำแหน่งบาร์น้ำ (ตักน้ำแข็ง และยิบ โซดา โค้ก น้ำ ) เงิืนเดือน แค่ 4500 บาท ทริปวันละ 40 บาทหรือไม่ได้เลย จากนั้นเขาก็ได้รู้จักกับเพื่อนสาวเชียร์เหล้าคนหนึ่ง แน่นำเขาให้ไปทำงานที่ใหม่ ที่ดีกว่านี้อะไรประมาณนี้ ก็ได้ไปอยู่ที่ ร้าน ช.ประทุมทอง หน้าพระลาน เขาก็อยู่ได้ประมาณ 3 ปีครึ่งครับ เงินเดือนประมาณ 6 พันบาท ไม่แน่ใจครับ จากนั้นเขาก็เริ่มเรียนรู้ คำว่า " Cocktail " แต่...แบบผิดๆครับ เขาทำได้ ประมาณ 7 - 8 ตัว แต่เป็นสูตรที่ผิดหมดเลย จากการที่ได้พูดคุยกับเขา เขาบอกว่าทำตามเจ้าของร้านบอกแค่นั้นเอง ไม่ได้มีความชอบหรืออยากจะทำอะไรประมาณนี้
         หลังจากนั้นเขาก็เริ่มสนใจในเรื่องของ Cocktail ขึ้นมา เริ่มใช้ภาษาอังกฤษ ที่ยากต่อเขา ขณะที่เขาทำงานอยู่ร้าน ช.ประทุมทอง เขาเรียน ปวส.สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจครับ พอจบเขาก็ลาออกไปหางานที่ใหม่ แถวถนนข้าวสาน อยู่มาหลายพลับครับ แต่อยู่ได้แค่ ที่ละ 2 -3 เดือนเพราะว่าเขาไม่ชอบเสียงดัง หลังจากนั้นเขาก็เข้าไปอยู่ โรงแรมเล็กๆ แถวถนนพระอาทิตย์ ชื่อว่า นาวาลัย เขาเริ่มเรียนรู้ Cocktail และหน้าที่ของ Bartender ขึ้นมาอย่างมาก เพราะถูกเอารัดเอาเปรียบและถูกดูถูกว่าเป็น บาร์กะโหลกกะลา จาก ผู้จัดการห้องอาหารของเขาเอง (เขาให้สัมภาษณ์อย่างภาคภูมิใจ) เขาบอกว่าการที่ได้รับการดูถูกนั่นแหละ คือสิ่งที่เรายังหาสิ่งนั้นไม่เจอ เราทำอะไรอยู่เรารู้ แต่ข้อเสียของเราหรือสิ่งที่เราทำพลาดไปเราไม่รู้ เขาบอกว่าคำตอบมักได้จาก คนที่มีอคติกับเรา (เขาพูดแบบน้ำตาคลอ) หรือผู้ที่อิจฉาอะไรประมาณนี้ พอออกจากโรงแรมนาวาลัย เขาไปอยู่ โรงแรม Riva Surya ใกล้ๆกันครับ อยู่โรงแรมนี้ดีหน่อยมีตำแหน่งขึ้นมาเป็น Supervisor Restaurant  แต่ก็ดูเรื่องของ บาร์ด้วยส่วนหนึ่ง พอโรงแรมเปิดได้ประมาณ 2 เดือนเขาก็ลาออก ไปทำที่ใหม่หลายที่ครับผมไม่ขอพูดละกันมันยาวมาก
        จากการที่ได้พูดคุยกับเขาประมาณ 4 -5 ชั่วโมง ผมคิดว่าเขาน่าจะชำนาญด้านเครื่องดื่มพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ หรือ ค็อกเทล แต่เขากับบอกว่า เขายังอ่อนมาก ถึงแม้ว่าจะมีประสบการณ์มาหลายปีก็ตาม เขาไม่เคยบอกว่าตัวเองเก่งเลย มีแต่บอกว่าสักวันหนึ่ง  "ผมจะต้องทำความฝันของตัวเองให้ได้" ปัจจุบันนี้เขาจบปริญญาตรี สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ นะครับ ผมก็เลยถามว่า อ้าว...แล้วทำไมไม่ทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ล่ะ เขาบอกว่า "ชอบทั้งสองอย่างแต่งานบาร์มีอะไรมากกว่าเยอะ"
         ปัจจุบันนี้ ผมยังคงติดตามเขา มาตลอดครับเพราะชีวิตเขามีอะไรน่าสนใจอีกมากมายโดยเฉพาะด้านเครื่องดื่มนั้นมันสุดยอดจริงๆ แต่เขาไม่เคยบอกว่าเขาเก่งกว่าใคร หรือเก่งขนาดไหน แต่คำพูดคำหนึ่ง ที่เขาบอกว่า " การเรียนรู้คือสิ่งสำคัญต่อชีวิต การต่อสู้ชีวิตคือการเ่รียนรู้ชีวิต คำถามมักเกิดจากสองข้อนี้ " คือเราถามตัวเอง หรือมีคนอื่นมาถามคำตอบมันเกิดจากตัวเราครับ ณ ปัจจุบันเขาทำงานให้กับ Water Library Restaurant ดังที่เห็นในข้อมูลบางส่วนของเขาในบล็อกนี้  นั่นเป็นเรื่องราวของเขาซึ่งผมนำมาเผยแพร่ให้ผู้ที่สนใจเรื่องของบาร์หรือตัวเขา ตอนนี้เขาทำตำแหน่ง Junior Mixologist ก่อนหน้านี้เขาทำงานให้กับ ร้านอาหารบ้านหญิง คาเฟ่ แอนด์ มิว ในตำแหน่ง Bar Head  เอาเป็นว่าถ้าใครสนใจในเรื่องของเครื่องดื่ม หรือความสามารถในตัวเขาก็ฝากข้อความไว้ในบล็อกนี้ละกันนะครับ ผู้ชายคนนี้ยังมีอะไรอีกมากมายที่เราอยากรู้ครับ

        จงเรียนรู้ตัวเองให้มาก ให้คนอื่นให้มาก จินตนาการให้มาก อย่าหยุดนิ่งจนกว่าจะประสบณ์ความสำเร็จ


     โดย

ผสมศิลป์

1 ความคิดเห็น: