ประเทศไทย (Thailand)

ประเทศไทย (Thailand)
ประเทศไทย (Thailand)

วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

Mixologist Of Thailand

Now !!! At Water Library Restaurant Bar Thonglor Thailnd And See Us.

คุณ เมธี วะลา (ปิ๊ก) กับคนนำเข้า Crystal Head Vodkaของเมืองไทย คุณแพททริก


วันนี้คนนำเข้า Crystal Head Vodka มาเยือน เขาเป็นคนนำเข้า Crystal Head Vodka ของเมืองไทย สนิดกันครับกับอาจารย์บอย และคุณปิ๊กหรือ เมธี วะลาที่เราพอรู้จัก ส่วนคนข้างๆเขาชื่อ แพททริก เขาขอถ่ายรูปคุณปิ๊กด้วยเลยจัดให้

วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ประวัติ เมธี วะลา Junior Mixologist Of Thailand


วันนี้ผมจะขอเล่าประวัติของชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่เติบโตมาท่ามกลางขาดความอบอุ่นจากครอบครัว พ่อและแม่ของเขาเลิกลากันตั้งแต่เขายังเด็กๆ ไร้เดียงสา ผมจะไม่ขอพูดอะไรมากในช่วงชีวิตของเขาตอนนั้น เพราะมันอาจจะสะเทือนใจหลายๆคนที่มีชีวิตแบบนั้นเหมือนกันกับเขา ผมขอเล่าช่วงเวลาการทำงานของเขาดีกว่านะครับ จุดเริ่มต้นของเขาในวงการอาหารและเครื่องดื่ม เกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2548 เขาเริ่มรู้จักคำว่า เด็กเสริฟในสมัยนั้น ตอนเขาอายุประมาณ 23 ต้นๆ เขาค่อนข้างอ่อนต่อโลก หรือจะพูดอีกอย่างคือซื่อบื่อ นั่นเองครับ เพราะว่าเขาบวชเรียนมาถึง 6 ปี ทำให้ช่วงวัยรุ่นของเขาหายไป เลยไม่ค่อยรู้จักทางโลกภายนอกดีสักเท่าไร แต่ตอนนี้ผมคิดว่าเขาน่าจะรู้เกือบหมดทุกเรื่องแล้วละครับ เมื่อ พ.ศ. 2548 เขาทำร้านอาหารแห่งหนึ่งแถวพระราม 5 ไม่ขอบอกชื่อร้านนะครับ ประมาณ 4 - 5 เดือน ในตำแหน่งบาร์น้ำ (ตักน้ำแข็ง และยิบ โซดา โค้ก น้ำ ) เงิืนเดือน แค่ 4500 บาท ทริปวันละ 40 บาทหรือไม่ได้เลย จากนั้นเขาก็ได้รู้จักกับเพื่อนสาวเชียร์เหล้าคนหนึ่ง แน่นำเขาให้ไปทำงานที่ใหม่ ที่ดีกว่านี้อะไรประมาณนี้ ก็ได้ไปอยู่ที่ ร้าน ช.ประทุมทอง หน้าพระลาน เขาก็อยู่ได้ประมาณ 3 ปีครึ่งครับ เงินเดือนประมาณ 6 พันบาท ไม่แน่ใจครับ จากนั้นเขาก็เริ่มเรียนรู้ คำว่า " Cocktail " แต่...แบบผิดๆครับ เขาทำได้ ประมาณ 7 - 8 ตัว แต่เป็นสูตรที่ผิดหมดเลย จากการที่ได้พูดคุยกับเขา เขาบอกว่าทำตามเจ้าของร้านบอกแค่นั้นเอง ไม่ได้มีความชอบหรืออยากจะทำอะไรประมาณนี้
         หลังจากนั้นเขาก็เริ่มสนใจในเรื่องของ Cocktail ขึ้นมา เริ่มใช้ภาษาอังกฤษ ที่ยากต่อเขา ขณะที่เขาทำงานอยู่ร้าน ช.ประทุมทอง เขาเรียน ปวส.สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจครับ พอจบเขาก็ลาออกไปหางานที่ใหม่ แถวถนนข้าวสาน อยู่มาหลายพลับครับ แต่อยู่ได้แค่ ที่ละ 2 -3 เดือนเพราะว่าเขาไม่ชอบเสียงดัง หลังจากนั้นเขาก็เข้าไปอยู่ โรงแรมเล็กๆ แถวถนนพระอาทิตย์ ชื่อว่า นาวาลัย เขาเริ่มเรียนรู้ Cocktail และหน้าที่ของ Bartender ขึ้นมาอย่างมาก เพราะถูกเอารัดเอาเปรียบและถูกดูถูกว่าเป็น บาร์กะโหลกกะลา จาก ผู้จัดการห้องอาหารของเขาเอง (เขาให้สัมภาษณ์อย่างภาคภูมิใจ) เขาบอกว่าการที่ได้รับการดูถูกนั่นแหละ คือสิ่งที่เรายังหาสิ่งนั้นไม่เจอ เราทำอะไรอยู่เรารู้ แต่ข้อเสียของเราหรือสิ่งที่เราทำพลาดไปเราไม่รู้ เขาบอกว่าคำตอบมักได้จาก คนที่มีอคติกับเรา (เขาพูดแบบน้ำตาคลอ) หรือผู้ที่อิจฉาอะไรประมาณนี้ พอออกจากโรงแรมนาวาลัย เขาไปอยู่ โรงแรม Riva Surya ใกล้ๆกันครับ อยู่โรงแรมนี้ดีหน่อยมีตำแหน่งขึ้นมาเป็น Supervisor Restaurant  แต่ก็ดูเรื่องของ บาร์ด้วยส่วนหนึ่ง พอโรงแรมเปิดได้ประมาณ 2 เดือนเขาก็ลาออก ไปทำที่ใหม่หลายที่ครับผมไม่ขอพูดละกันมันยาวมาก
        จากการที่ได้พูดคุยกับเขาประมาณ 4 -5 ชั่วโมง ผมคิดว่าเขาน่าจะชำนาญด้านเครื่องดื่มพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ หรือ ค็อกเทล แต่เขากับบอกว่า เขายังอ่อนมาก ถึงแม้ว่าจะมีประสบการณ์มาหลายปีก็ตาม เขาไม่เคยบอกว่าตัวเองเก่งเลย มีแต่บอกว่าสักวันหนึ่ง  "ผมจะต้องทำความฝันของตัวเองให้ได้" ปัจจุบันนี้เขาจบปริญญาตรี สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ นะครับ ผมก็เลยถามว่า อ้าว...แล้วทำไมไม่ทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ล่ะ เขาบอกว่า "ชอบทั้งสองอย่างแต่งานบาร์มีอะไรมากกว่าเยอะ"
         ปัจจุบันนี้ ผมยังคงติดตามเขา มาตลอดครับเพราะชีวิตเขามีอะไรน่าสนใจอีกมากมายโดยเฉพาะด้านเครื่องดื่มนั้นมันสุดยอดจริงๆ แต่เขาไม่เคยบอกว่าเขาเก่งกว่าใคร หรือเก่งขนาดไหน แต่คำพูดคำหนึ่ง ที่เขาบอกว่า " การเรียนรู้คือสิ่งสำคัญต่อชีวิต การต่อสู้ชีวิตคือการเ่รียนรู้ชีวิต คำถามมักเกิดจากสองข้อนี้ " คือเราถามตัวเอง หรือมีคนอื่นมาถามคำตอบมันเกิดจากตัวเราครับ ณ ปัจจุบันเขาทำงานให้กับ Water Library Restaurant ดังที่เห็นในข้อมูลบางส่วนของเขาในบล็อกนี้  นั่นเป็นเรื่องราวของเขาซึ่งผมนำมาเผยแพร่ให้ผู้ที่สนใจเรื่องของบาร์หรือตัวเขา ตอนนี้เขาทำตำแหน่ง Junior Mixologist ก่อนหน้านี้เขาทำงานให้กับ ร้านอาหารบ้านหญิง คาเฟ่ แอนด์ มิว ในตำแหน่ง Bar Head  เอาเป็นว่าถ้าใครสนใจในเรื่องของเครื่องดื่ม หรือความสามารถในตัวเขาก็ฝากข้อความไว้ในบล็อกนี้ละกันนะครับ ผู้ชายคนนี้ยังมีอะไรอีกมากมายที่เราอยากรู้ครับ

        จงเรียนรู้ตัวเองให้มาก ให้คนอื่นให้มาก จินตนาการให้มาก อย่าหยุดนิ่งจนกว่าจะประสบณ์ความสำเร็จ


     โดย

ผสมศิลป์

วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

มีคนถามเข้ามาครับว่า Benedictine DOM คือเหล้าอะไร แล้ว D.O.M มาจากอะไร...ตอบครับ


Benedictine D.O.M เหล้าที่สกัดมาจากสมุนไพรหลายชนิดเป็นเหล้าหวานครับ ตัวสมุนไพรดูได้ที่กล่องนะครับเวลาซื้อมาถ้าผมบอกไป ก็คงนึกภาพไม่ออกหรือไม่รู้จักครับ ให้ดูที่กล่องดีกว่าเพื่อความชัวร์ เอา่ล่ะครับ Benedictine D.O.M เกิดขึ้นเมื่อราว ค.ศ. 1510 ที่ประเทศฝรั่งเศส เมือง ฟีแคมป์แถวชายฝั่ง นอร์มังดีครับ โดยคนที่คิดค้นเป็นพระครับ นิกาย Benedictine อันนี้ผมไม่ทราบครับว่านิกายเป็นแบบไหนมีข้อปฎิบัติอย่างไรเอาสั้นๆละกันนะครับ ส่วนคำว่า D.O.M ย่อมาจาก Dom Optimo Maximo (บางคนก็บอกว่่า Deo Option Maximo) จริงๆแล้วก็ไม่ผิดนะครับ อาจเป็นที่ภาษา อังกฤษ กับ ฝรั่งเศสก็เป็นได้ ความหมายคือ ดื่มแด่พระผู้เป็นเจ้าครับ รสชาติออกหวาน ดื่มง่ายเป็นเหล้ายา ดื่มมากๆเมาครับ มีปริมาณแอลกอล์ฮอ 40 ดีกรีครับ อันนี้ก็เป็นเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆนะครับแบ่งปันกัน เหล้าทุกตัวมีที่มาที่ไป มีเหตุและผล ว่าทำมาเพื่ออะไร ทำมาจากอะไร ปีไหน ใครคิด อยู่ที่เราครับจะศึกษาลึกไหม ลึกได้ยิ่งดีครับ แต่คนที่รู้พอตอบคำถามได้ก็ดีครับ อยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่า จบนะครับ



ค็อกเทลแก้วแรกของโลก Sazerac มีใครพอรู้จักไหมครับ


Sazerac เป็นค็อกเทลแก้วแรกของโลก  ที่เกิดขึ้นที่เมือง นิวโอลิน ประเทศสหรัฐอเมริกา คนคิดค้นผมไม่ทราบแน่ชัดนะครับ แต่ผมจะมาบอกเกี่ยวกับส่วนผสมของค็อกเทลครับ บาร์เทนเิดอร์ส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้จักกันสักเท่าไหร่ครับ เพราะว่า เมืองไทยนั้นไม่ได้ศึกษาค็อกเทลกันอย่างจริงจัง แต่ทำกันแบบปากต่อปาก รุ่นต่อรุ่น แทบจะไม่ได้สูตร Original เลยและยังทำค็อกเทลแบบคลาสสิคกันแบบผิดๆครับ สูตรเพี้ยนบ้างอะไรบ้าง เพราะว่าไม่ได้นำเข้ามาโดยบาร์เทนเดอร์ต่างประเทศหรือบาร์เทนเดอร์ไทยที่ศึกษามาอย่างแท้จริง เอาละครับจากที่ผมได้บ่นมาสักเล็กน้อยแล้ว...เราก็มาทำความรู้จักกันเลยดีกว่า 

ส่วนผสมของ Sazerac

1. Rye (ข้าวไร่) Whisky  6 Cl.
2. Pechoud Bitter 2 Drop
3. Sugar Syrup 2 Drop

ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงใน Mixing Glass แล้วStir ให้เย็น จากนั้นนำแก้วร๊อค หรือแ้ก้ววิสกี้ก็ได้ครับ มาพ่นด้วย Absine ประมาณ 3 - 4 ครั้งในแก้ว ตามด้วย Ice Ball ครับ จากนั้นก็เทเหล้าลงไป อย่าลืมเลมอนทวิสนะครับ ทวิสทีหลัง พร้อมเสริฟครับ ถ้าไม่เข้าใจก็โพสต์ไว้นะครับผมอาจจะอธิบายงงๆนิดนึง อย่าเปลี่ยนสูตรนะครับขอร้อง ให้เราทำแบบ Original เลยครับ

วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

Sexy Lychee Cocktail Recipe From Water Library Bar


ส่วนผสมของ Sexy Lychee Cocktail Recipe

1. Vodka Stolicnaya 3 Cl.
2. Lychee Paraso Lique 5 Cl.
3. Fresh Orange Juice 4 Cl.
4. Vodka Infusion Chilli 6 Drop
5. Fresh Lemon Juice 2 Cl.
6. Sugar Syrup 3 Cl.

Shake and serve with aphrodisiac

การหมักเหล้าวาซาบิกับไวท์ช็อคโกแลต Infusion Wasabi and WhiteChocolate


สิ่งแรกที่ต้องเตรียมคือ วาซาบิผสมแล้ว และไวท์ช็อคโกแลตยี่ห้อใดก็ได้แต่ต้องไม่หวานมากนะครับจากนั้น ก็นำมาตีให้เข้ากัน ทั้งวาซาบิและไวท์ช็อคโกแลต ตีจนเหนียวเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นก็เทใส่ภาชนะที่เราเลือกหาเองตามใจชอบ แต่เน้นว่าต้องเป็นขวด โหลแก้วเท่านั้นครับและมีฝาที่ปิดสนิด ขั้นตอนต่อไปคือ นำเหล้าที่จะนำมาหมักครับ ไม่จะเป็น Vodka Tequila Rum หรืออะไรก็แล้วแต่ครับตามใจเลย เอาที่ว่าเราชอบกลิ่นของมันครับ เหล้า 1 ขวด เท่ากับ วาซาบิไวท์ช็อคโกแลต 500 กรัมครับ จากนั้นเทเหล้าใส่ในขวดแล้วเปิดฝาทิ้งไว้ก่อน 1 - 2 วันอย่าเพิ่งปิดฝานะครับ มันมีเหตุผลอยู่ไม่ขอบอกละกัน จากนั้นหลังจาก 1- 2 วันแล้วก็ปิดฝาให้สนิด ทิ้งไว้ประมาณ 3 - 4 สัปดาห์ ครับ ก่อนนำมารับดื่มให้เขย่าให้เข้ากันก่อน เพราะตอนที่เราหมักนั้น วาซาบิ กับไวท์ช็อคโกแลต จะแยกตัวกันครับ...จบอันเป็นเสร็จพิธี

การนำวาซาบิมาหมัก ( Infusion Wasabi )


การนำวาซาบิมาหมัก ( Infusion Wasabi ) สิ่งแรกที่ต้องมีคือ วาซาบิ แบบใดก็แล้วแต่ แล้วนำปั้นเป็นก้อน ทำไมถึงปั้นเป็นก้อนล่ะ ...ถ้าปั้นไม่เป็นก้อนก็แสดงว่า วาซาบิเหลวเกินไป แต่เราต้องการให้วาซาบิเหนียวๆ ถามว่าใช้เท่าไหร่อะไรยังไง ก็แล้วแต่เราว่าต้องการเผ็ดฉุนมากแค่ไหน เหล้าอะไรเหรอ ? ก็แล้วแต่เราครับว่าต้องการรสชาติยังไง แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องหมักไว้ ประมาณ 3 - 4 สัปดาห์ เพราะว่าเพื่อให้วาซาบิกับเหล้า เขากันเป็นอย่างดี เราจะสังเกตุในภาพนี้ น้ำจะเป็นสีเขียว และข้างล่างจะเป็นสีขาวนั่นแหละครับ คือเข้ากันแล้วพอเราจะนำมาดื่มหรือผสมอะไรต้องเขย่าก่อนนะครับ ไม่งั้นรสชาติไม่ถึงแน่..ติดตามตอนต่อไปครับ ว่าจะเอาอะไรมา...

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

การทำ Infusion (การหมักเหล้าแบบพิเศษ) ทำอย่างไร ?








การทำ M&M and Gummy Bear Infusion ก็แล้วแต่ละคนจะคิดขึ้นมายังไงว่าจะทำเป็นแบบไหน ซึ้งการหมักนี้ มักจะใช้เวลาเป็นเดือนๆ เพื่อได้ความนุ่ม แล้วความหอมของเหล้าที่เราหมัก ว่าอยากได้หวาน ขม หอม หรือแบบ สมุนไพร ก่อนหมักนั้นย่อมมีขั้นตอนหลายอย่าง ควรที่จะคำนึงว่า...วัตถุดิบที่เรานำมาทำนั้นมันเหมาะไหม อาจจะเน่าเสีย หรือ บูด ก็ได้ ตามวัตถุดิบที่เรานำมา นี้ก็เป็นแง่คิดสำคัญเหมือนกัน แต่วัตถุดิบที่เรานำมาเสนอนี้เป็นช็อคโกแลต และเยลลี่ นำมาเคี้ยวให้เขากันก่อน กับเหล้าที่เราอยากจะใส่เข้าไป อาจเป็น Vodka Tequila Rum หรืออะไรก็แล้วแต่ จากนั้นต้องปิดให้สนิดแล้วปล่อยไว้สักประมาณ 6 - 10 สัปดาห์ แล้วนำมาชิม หากยังไม่ได้อย่างที่เราต้องการ...ก็หมักไว้อีกตามความน่าจะเป็นครับ 


การทำ ฝรั่ง Infusion อันนี้ใช้ฝรั่งสดนำมาล้างให้สะอาดแล้วปลอกเปลือกให้เรียบร้อย เพื่อให้เหล้าซึมเข้าไปในเนื้อของฝรั่ง อันนี้เราใช้เหล้า Vodka Absolute Normal มาหมัก ประมาณ 3 เดือนเลยทีเดียว...ทำไม ? ถึงต้อง 3 เดือน ก็เพราะว่าคุณภาพที่ออกมาความหอม ความอร่อย กลมกล่อม ถ้าเปรียบเทียบกับเหล้าสาโท ที่สมัยก่อนเข้าหมักกันก็ประมาณ 3 - 4 เดือนนี้แหละครับ แต่อันนี้เรานำมาเป็นตัวอย่างครับ เพื่อให้ได้แนวคิดใหม่ๆ ส่วนจะคิดแยกออกไปอีกก็แล้วแต่ครับ เพราะพวกเราไม่ได้ห้ามก๊อปปี้ แต่การที่เราคิดเองทำเองได้ก็เป็นสิ่งดีครับ เชื่อผม มีคำถาม ...ถามไว้ครับเดี็ยวมาตอบ

วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

แก้ว ติ๊กกี้ ติ๊กกี้ กับประวัติความเป็นมา...สั้นๆ

แก้วติ๊กกี้ติ๊กกี้...จริงๆแล้วมันเป็นรูปปั้น สัญญาลักษณ์อย่างหนึ่ง...ของชาวเกาะทะเล แคริเบี้ยน..เกาะนี้จะมีคนอยู่สองกลุ่มคือ คนหูยาว กับ คนหูสั้น คนหูยาวเขาจะยกตัวเองว่าเป็นคนฉลาดเก่งและสูงกว่าคนหูสั้น ดังนั้น คนหูสั้นจึงเป็นทาสรับใช้คนหูยาว ทั้งๆที่มีอยู่กันแค่สองเผาเท่านั้นเองครับ...คนหูยาวจึงใช้ให้คนหูสั้น แกะสลักหินก้อนใหญ่จากภูเขา ให้เป็นรูปศรีษะทรงยาว หูยาว มีทั้งใส่หมวกและไม่ใส่หมวก เรียกกันริมทะเล เหตุใดจึงทำเช่นนี้...คนหูยาวเขาเชื่อว่าถ้าแกะสลักรูปปั้นนี้ แล้วเทพเจ้าจะมาเยือน หรือมาโปรด แต่สุดท้ายแล้วเขาสร้างได้ประมาณ 7-9 แท่ง แต่ก็ไม่เห็นมีเทพเจ้ามาเลย พวกเขาจึงเลิกสร้างและเพราะเหตุใดไม่รู้ การหยุดสร้างอาจจะเกิดจากคนหูสั้นลุกขึ้นมาต่อต้านก็เป็นได้ หรือ...เมื่อเทพเจ้าไม่มาเขาจึงเลิก และยังมีหลายแง่คิดในเรื่องราวเหล่านี้ซึ่งผมขอเล่าไว้เพียงสั้นๆครับ...มีคำถาม ถามไว้เลยนะครับเดี๋ยวมาตอบ

อีกอัน...เป็นคลิสตันเฮด หรือขวดกระโหลก...เป็นขวดของ Vodka ยี่ห้อหนึ่ง นำเข้ามาจากยุโรปครับ แต่ Vodka หมดแล้วครับ เราจึงนำมาเป็นขวด Magic Head มีส่วนผสมพิเศษ ของเหล้าที่ทาง Mxologist คิดขึ้นมาครับ...แอลกอฮอล์อยู่ที่ 50 - 70 ดีกรีทีเดียวแล้วแต่จะผสมครับ มีที่ Water Library ที่เดียวครับ..ใครอยากลองก็มาได้มีตลอดครับตามอารมณ์เขาว่าจะผสมอย่างไร ให้เหมาะกับ คลิสตันเฮด ขวดนี้...

วิธีการทำ Long Island Nitrogen




เริ่มแรก...สิ่งสำคัญคือต้องระมัดระวังในการใช้ Nitrogen ก่อนและรู้วิธีการอย่างถูกต้อง
จากนั้น ก็เข้าสู่ขบวนการทำ ...ส่วนผสมเดี๋ยวบอกตอนต่อไปอันเป็นวิธีการก่อน คือ ใส่ส่วนผสม Cocktail
ทั้งหมดลงในภาชนะที่จะทำการตี Nitrogen จากนั้น ตามด้วย Nitrogen ทีละนิดๆ ตีไปเรื่อยๆจน Cocktail
แข็งตัว เติม Nitrogen ลงไปเรื่อยๆ พอได้ที่ก็ตักใส่แก้วได้เลย ...เดี๋ยวเอาคลิปมาให้ดู เร็วๆนี้ครับ